เครื่องวัดสายตาด้วยคอมพิวเตอร์ เชื่อถือได้หรือไม่ อย่างไร ปัจจัยไหนที่ทำให้อ่านผลผิดพลาดได้

สุขภาพ-งานวิจัย

16 ธันวาคม 2004


มื่อ 20-30 ปีก่อน ถ้าพูดถึงเครื่องวัดสายตาอัตโนมัติ (Autorefractometer) ทุกคนจะมีความรู้สึกว่า ค่าที่ได้จากการวัดมักจะไม่ เที่ยงตรงสู้การวัดด้วยคนและสวมแว่นลองดูไม่ได้ อีกครั้งเครื่องมีราคาแพง จึงไม่ค่อยจะเป็นที่นิยม

แต่ในปัจจุบัน เครื่องวัดชนิดนี้มีการปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ความแม่นยำมากขึ้น สะดวกและรวดเร็วขึ้น แพทย์สามารถ นำเอาค่าที่วัดได้ไปปรับใช้กับผู้ป่วยทางสายได้ค่อนข้างแม่นยำ

หลักการทำงานของเครื่องวัดสายตาอัตโนมัติ คือ การที่เครื่องวัดจะกรองเอาแต่แสงอินฟราเรดผ่านเข้าเครื่องแล้วประมวลผลออกมา เป็นค่าสายตาที่ผิดปกติของผู้รับการตรวจ แต่ก็มีข้อจำกัดของการวัดด้วยเครื่องนี้ คือ การเพ่งมองของผู้รับการตรวจมากเกินไป อาจจะ ทำให้ค่าสายตาที่วัดได้ เป็นภาวะสั้นกว่าความเป็นจริง ซึ่งพบเห็นได้บ่อยๆ ในเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี ดังนั้นในบางครั้ง เด็กที่มาทำการวัด สายตาด้วยจักษุแพทย์ จึงมักจำเป็นต้องหยอดยาคลายการเพ่งของตาก่อน รับการตรวจด้วยเครื่อง

ปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้การวัดด้วยเครื่องวัดสายตาด้วยคอมพิวเตอร์ ผิดพลาด อาจจะได้ในกรณีอื่นๆ อีก ดังนี้

  1. มีสายตาสั้นหรือยาวมากกว่าปกติ คือ อาจจะมากกว่า -25 D หรือ +25 D
  2. มีสายตาเอียงเกิน +/- 6 D
  3. ผู้รับการตรวจไม่มองภาพที่จอภาพนิ่งๆ มีการกลอกลูกตาไปมา
  4. ผู้รับการตรวจมีโรคทางตาอื่นๆ เช่น ภาวะต้อกระจก แผลเป็นที่กระจกตา หรือโรคจอประสาทตาลอก เป็นต้น

จากปัจจัยต่างๆ ข้างต้น จึงพบว่าการตรวจวัดสายตาที่ถูกต้องและแก้ไขภาวะสายตาผิดปกติ ควรจะรับการตรวจจากจักษุแพทย์ หรือ ผู้ที่เชี่ยวชาญผ่านการอบรมมาโดยเฉพาะ เพราะจะทำให้แยกโรคหรือภาวะบางอย่างที่อาจจะเกี่ยวข้องได้ดีกว่า การตรวจวัดตามร้าน จำหน่ายแว่นตาทั่วๆ ไป


อ้างอิงจากบทความของ นพ. ศักดิ์ชัย วงศ์กิตติรักษ์ จักษุแพทย์ประจำศูนย์ตาธรรมศาสตร์ ตีพิมพ์ในวารสารคลินิก ประจำเดือนธันวาคม 2547

Related