Posted on

งานวิจัย: ยาคุมกำเนิด ลดอาการปวดท้องรอบเดือน (Dysmenorrhea) ลงได้หรือไม่

อุบัติการณ์การเกิดอาการปวดท้องขณะมีรอบเดือน ( Dysmenorrhea) พบได้ประมาณ 15% ของวัยรุ่นผู้หญิง ซึ่งอาการจะรุนแรงมากน้อย ต่างก็มีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน
ในสตรีวัยรุ่น พบเพียง 1 ใน 7 รายเท่านั้นที่ไปปรึกษาแพทย์ เพราะอาจจะอายแพทย์ หรือเกรงว่าจะมีการตรวจภายใน ทำให้ส่วนที่เหลือยังคงใช้ความอดทนอย่างมาก กับอาการเหล่านี้ทุกๆ ครั้งที่มีรอบเดือน

งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
ประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิดขนาดต่ำ ว่าจะสามารถช่วยรักษาอาการ ปวดท้องขณะมีรอบเดือน ( Dysmenorrhea) ได้หรือไม่
ขั้นตอนการวิจัย
สุ่มตัวอย่างวัยรุ่นในอเมริกา จำนวน 74 คน ( อายุเฉลี่ย 16.8 ปี) มาทำการศึกษาวิจัย โดยในกลุ่มที่ทำการทดลอง มีอาการปวดท้องขณะมีรอบเดือน ( Dysmenorrhea) ดังนี้
– ระยะรุนแรงถึง 58%
-ระยะปานกลางถึง 42%
โดยให้รับประทานยาคุมกำเนิดขนาดต่ำ ( ประกอบด้วย Ethinyl estradiol 20 microgram+Levonorgestrel 100 micrograms ) เปรียบเทียบกับยาหลอก (Placebo) โดยติดตามอาการหลังทำการวิจัย ประมาณ 3 เดือน โดยทุกคนยังสามารถรับประทานยาแก้ปวดได้

ผลการทดลอง พบว่าผู้เข้าร่วมการทดลอง มีความรุนแรงของอาการ ปวดท้องขณะมีรอบเดือน ( Dysmenorrhea) ลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ เมื่อเทียบกับ การใช้ยาหลอก และจำเป็นต้องใช้ยาแก้ปวดลดลงในเดือนที่ 2-3 ของการวิจัย และยังพบอีกว่า กลุ่มที่ลองรับประทานยาคุมกำเนิดขนาดต่ำ 61% ไม่จำเป็นต้องใช้ ยาแก้ปวดเลย ในรอบเดือนที่ 3

จากผลงานวิจัย แสดงให้เห็นว่าการใช้ยาคุมกำเนิดสามารถใช้รักษาอาการ ปวดท้องขณะมีรอบเดือน ( Dysmenorrhea) ลงได้ และสตรีวัยรุ่นทุกคนก็ยินดีที่ใช้ยาต่อไป เนื่องจากว่ายาคุมกำเนิดขนาดต่ำมีความปลอดภัยสูง และผลข้างเคียงน้อยมาก และทำให้ไม่จำเป็นต้องไปตรวจภายในจากอาการดังกล่าว เพราะนอกจากจะทำให้อาการปวดท้องดีขึ้นแล้ว ผลพลอยได้จากยาคุมกำเนิดก็คือ ช่วยป้องกันและรักษาสิว ผิวหน้ามันได้อีกด้วย