Posted on

Fine Scan 1550 : เลเซอร์รักษาสิวเรื้อรัง รอยหลุมสิว รูขุมขนกว้าง เซ็บเดิร์ม สำหรับผิวเอเซีย

Fine Scan 1550 คืออะไร

คือเลเซอร์ ประเภท Erbium Grass Fiber ที่ความยาวช่วงคลื่น 1550 nm โดยการยิงเลเซอร์เป็นลำเล็กๆ จำนวนมาก เพื่อทำให้เกิดการทำลายที่ผิวหนังเป้าหมาย เช่น รอยหลุม รูขุมขนกว้าง ท่อไขมันที่อุดตัน หรืออักเสบ แล้วก่อให้เกิดการบาดเจ็บเล็กๆ (micro-injuries) หลังจากนั้นก็จะเกิดการสมานแผล และสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ หลังทำ ผิวหน้าจึงกระชับขึ้น รูขุมขนเล็กลง รอยหลุมตื้นขึ้น รอยด่างดำ จางลง นอกจากนี้ยังช่วยซ่อมแซมท่อไขมันอุดตันอักเสบในคนที่มีปัญหาสิวอักเสบ สิวอุดตัน เป็นๆ หายๆ ให้หายขาดได้ด้วย
Fine Scan 1550 แตกต่างจาก Fraxel Re:Store หรือไม่ อย่างไร
เป็นเลเซอร์ชนิดเดียวกัน ต่างกันที่ Fraxel Re:Store นำเข้าจาก USA ขณะที่ Fine Scan 1550 เป็นเลเซอร์ที่ประกอบในประเทศ แต่ใช้อะไหล่แท้ จากอังกฤษ และหัวอ่าน Scanner จาก อเมริกา ได้ผลดีใกล้เคียงกับ Fraxel Re:Store แต่ผลข้างเคียง เรื่อง ระยะเวลาพักฟื้น รอยดำ รอยแดง หรือรอยดำ หลังทำ จะน้อยกว่า Fraxel Re:Store

ทำไม Fine Scan 1550 จึงเหมาะกับผิวเอเซีย

  1. หัวยิง :  หัวยิง เป็นรูปสี่เหลี่ยม แนบสนิทกับใบหน้า จึงให้พลังงานสม่ำเสมอ และกำหนดขอบเขตได้ง่าย ไม่ยิงซ้ำจุดเดิม จึงไม่ทำให้เกิดการยิงซ้ำ จนเกิดการสะสมของความร้อนในแต่ละจุด มากเกินไป หรือน้อยเกินไป
    2. ระบบการปล่อยพลังงงาน : Fine scan จะปล่อยเลเซอร์ แบบสเปรย์สี และพ่นแบบสุ่มไปมาหลายๆ พื้นที่ ลดอัตราการเกิดความร้อนสะสม ซึ่งจะแตกต่างจากยี่ห้ออื่นๆ ที่ลำแสงเลเซอร์จะพ่นแบบคลี่พัดจีนหรือแปรงสี scan แนวเดียวทีละแถว โดยเมื่อยิ่งทำไปนานๆ ความร้อนจะสะสมที่หางแถวไปเรื่อยๆ ซึ่ง มักจะเกิดรอยดำหรือรอยแดงได้ง่ายกว่า
    3. ความเร็วของเลเซอร์ : ยิงด้วยความเร็วสูง (ไม่ถึง 1/1000 ของวินาที) ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ โดยแต่ละจุดเล็กๆที่ถูกยิง จะไม่เปิดปากแผลด้านบน จึงไม่เกิดการทำลายเนื้อเยื่อ หลังทำจึงไม่ค่อยมีแผลชัดเจน ไม่มีเลือด หรือสะเก็ดมากนัก ไปทำงานได้ตามปกติ ขนาดสะเก็ดแผลที่เกิดขึ้นมันเล็กจนมองเกือบไม่เห็น

Fine Scan 1550 รักษาอะไรได้บ้าง 

  1. รอยหลุมสิว : ใช้ได้กับหลุมสิวทุกชนิด จะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้หลุมสิวตื้นขึ้น  ผลการรักษาพบว่า หลังทำเพียงครั้งเดียว รอยหลุมตื้นขึ้นประมาณ 30%
  2. รูขุมขนกว้าง :  โดยลอกผิวด้วยเลเซอร์ด้วยเทคนิค Micro-Laser Peel ทำให้รูขุมขนกระชับขึ้น ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ
  3. ริ้วรอย เหี่ยวย่น รอบดวงตา : กระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน จึงทำให้ริ้วรอยเหี่ยวย่นตื้นขึ้น ผิวหน้ากระชับขึ้น โดยพบว่า มีการวิจัยในอาสาสมัครคนไทย 20 คน (รพ.รามา) พบว่า หลังทำ 8 ครั้ง ห่างกันทุก 1 อาทิตย์ พบว่าริ้วรอยเหี่ยวย่นรอบดวงตา ดีขึ้นประมาณ 40-50%
  4. รอยแตกลาย : ทำลายพังผืดหรือเม็ดสีผิวผิดปกติ สร้างคอลลาเจน และสร้างเม็ดสีเมลานินใหม่ สิผิวที่แตกลาย ก็จะค่อยจางลดลง โดยพบว่าหลังทำ 3 ครั้ง ริ้วรอยแตกลายดีขึ้น 70-90%
  5. สิวเรื้อรัง : เนื่องจากปัญหาสิวอักเสบ หรือสิวอุดตัน เป็นๆ หายๆ มีสาเหตุจากความผิดปกติของต่อมไขมัน หรือท่อไขมัน การทำ Finescan เหมือนการล้างท่อที่อุดตัน และยังทำให้รอยแดง รอยดำ จากสิว ดีขึ้นได้ด้วย
  6. เซ็บเดิร์ม : โรคผิวหนังอักเสบที่เกิดจากต่อมไขมันผิดปกติ ทำให้เกิดรอยแดงเป็นขุย ตามซอกจมูก หัวคิ้ว มักจะเป็นๆ หาย ๆ การทำ Finescanจะไปทำลายต่อมไขมันที่ผิดปกติ สามารถช่วยหายขาดได้นานขึ้น

Posted on

เลเซอร์คืออะไร ทำงานอย่างไร ทำไมต้องมีหลายเครื่อง เลือกยังไง ให้ได้ผลดี ไม่มีผลข้างเคียง

เลเซอร์(Laser) คืออะไร

Laser ย่อมาจาก Light Amplification by Stimulated Emission of Radiations เลเซอร์ความงาม มีมากมาย หลายแบบ หลายยี่ห้อ แต่ที่เหมือนกันคือจะ ทำงานแตกต่างจากแสงทั่วๆไป โดย เลเซอร์เมื่อทำงาน จะมีพาพลังงานจำนวนมากไปด้วย ทำให้สามารถผลิตความร้อนได้ในปริมาณมากด้วยเช่นกัน สมบัติเด่น 4 ประการของแสงเลเซอร์ คือ

  1. มีทิศทางเดียวแน่นอน ( Collimated)
  2. มีความถี่เดียว เป็นแสงสีเดียว ( Monochromatic)
  3. มีเฟสเดียวกัน และ มีหน้าคลื่นเดียว (Coherent)
  4. มีความเข้ม/จ้าสูง 

เลเซอร์แต่ละแบบ ทำงานแตกต่างกันอย่างไร

เลเซอร์ด้านความงาม มีการพัฒนากันอย่างต่อเนื่อง แต่หลักๆ การทำงาน เลเซอร์แต่ละชนิดจะมีต้นกำเนิดของพลังงานลำแสงที่แตกต่างกัน จึงมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน โดยปัจจัยหลักที่แพทย์จะเลือกเลเซอร์ประเภทใด มาใช้ในการรักษาปัญหาด้านผิวหนัง หรือด้านความงาม จึงต้องเลือกจากปัจจัยหรือคุณสมบัติของเลเซอร์นั้นๆ ให้เหมาะสม หรือ พูดง่าย ถ้าจะรักษาด้วยเลเซอร์แล้ว คุณภาพหรือประสิทธิภาพและประสิทธิผลจะได้ผลดีเพียงใด น่าพอใจมากน้อยแค่ไหน นอกจากยี่ห้อของเครื่องที่ได้มาตรฐานสากลแล้ว ยังต้องมีปัจจัยอื่นๆ อีก ดังนี้
1. Wavelenth ( ความยาวช่วงคลื่น ) : มีหน่วย เป็น นาโนเมตร(nm) ถือว่าเป็นปัจจัยหลักที่สำคัญที่สุดของเลเซอร์แต่ละประเภท เพราะความยาวช่วงคลื่น จะตัวกำหนดในเรื่องของการยิงเลเซอร์ไปยังเป้าหมายหรือปัญหาของผิวพรรณ ได้ถูกต้องและได้ผล เพราะปัญหาแต่ละอย่าง การรักษาด้วยเลเซอร์ ต้องเลือกช่วงคลื่นที่ตรงกับปัญหานั้นๆ

2. Fluence ( พลังงาน ) : มีหน่วยเป็น จูลหรือมิลลิจูล( J/mJ ) โดยเมื่อแพทย์เลือกช่วงคลื่นของเลเซอร์ที่เหมาะสมแล้ว ต่อมาแพทย์จะเลือกพลังงานในการยิงเพื่อทำลายเป้าหมายที่ต้องการ ซึ่งถ้าใช้พลังงานมาก ก็ได้ผลมากกว่า แต่ก็เกิดผลข้างเคียงได้มากกว่า ตรงนี้แหละ คือความชำนาญและประสบการณ์ของแพทย์ที่ทำเลเซอร์ แต่ละคน จะเลือกพลังงานในการยิงให้เหมาะสมกับสภาพปัญหาของคนไข้ และสีผิวของคนไข้ โดยถ้าพลังงานมาก ก็เกิดผลข้างเคียงมาก สีผิวเข้ม ก็เกิดผลข้างเคียงมากกว่าสีผิวอ่อนกว่า
3. Pulse Duration ( ระยะเวลาในการยิงแต่ละครั้ง ) : มีหน่วยเป็น วินาที(sec) ถ้าใช้ระยะเวลาในการยิงนาน ก็จะได้พลังงานมาก ได้ผลดี แต่ก็มีผลข้างเคียงมาก ดังนั้น เลเซอร์บางเครื่อง ก็สามารถแบ่งระยะเวลาการยิงเป็นช่วงๆ SubPulses เพื่อให้ได้พลังงานเพียงพอที่ต้องการ แต่มีความร้อนสะสมน้อย เพื่อลดผลข้างเคียง เช่น วีบีมรุ่นแรก แบ่งพลังงานเป็น 4 ช่วง ต่อมาแบ่งเป็น 8 ช่วงเพื่อให้ยิงได้แรงขึ้น แต่ผลข้างเคียงลดลง

4.Spot size ( ขนาดหัวยิง ) : ขนาดมีผลต่อการกระจายของพลังงานเลเซอร์
– หัวยิงขนาดใหญ่ พลังงานก็ลงได้ลึกกว่าหัวยิงขนาดเล็ก แต่การกระจายของพลังงานที่ไม่ต้องการก็มากกว่า แพทย์จะเลือกใช้หัวยิง แล้วแต่บริเวณและความต้องการให้ลงลึกตื้นแค่ไหน หรือต้องการความแม่นยำแค่ไหน
5. Cooling System (ระบบการให้ความเย็น ) : เพราะเลเซอร์ ก็มีความร้อนเกิดขึ้น ดังนั้น ก่อนจะยิงเลเซอร์ ต้องเตรียมผิวหนังคนไข้ให้พร้อม เช่นอาจจะแปะหรือทายาชาทิ้งไว้ให้ชา หรือทำให้ผิวหนังของคนไข้มีความเย็นระดับหนึ่ง เพื่อมิให้เจ็บเกินไป ระหว่างที่ทำ หรือ มิให้ผิวหนังบริเวณที่ยิงเกิดรอยไหม้จากความร้อนของเลเซอร์ ซึ่งอาจจะมีหลายแบบ เช่น การใช้เจลเย็นทา,การใช้หัวยิงเลเซอร์ที่มีระบบ cooling อยู่แล้ว (เช่น วีบีมเลเซอร์ )หรือการพ่นไอเย็นจัด ระหว่างทำ เช่น เครื่อง Cooling Jet

6.Scanner Type (การปรับลำแสงเลเซอร์ ) : ในเลเซอร์บางประเภท เช่น กลุ่ม Fractional Laserจะเป็นการยิงลำแสงเป็นรูเล็กๆ โดยผ่านเครื่องกรองเลเซอร์ ซึ่งมีหลายแบบ ตั้งแต่เริ่มแรกที่ใช้ตะแกรงกรองเลเซอร์ให้ผ่านเป็นรูเล็ก ๆจนพัฒนาเป็นเครื่อง scanner ที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการคำนวณ ให้การกระจายของลำแสงเลเซอร์ละเอียด ไปทั่วๆ บริเวณแบบสุ่ม เพื่อลดความสะสมเฉพาะที่ จึงทำให้โอกาสเกิดรอยดำหรือผลข้างเคียงยิ่งน้อยลง เช่น Finescan 1550 ได้มีการปรับตรงนี้ที่แตกต่างจากยี่ห้ออื่น
– ดังนั้น รพ.หรือคลินิกด้านความงาม ที่ทำการรักษาด้วยเลเซอร์ จำเป็นต้องมีเครื่องเลเซอร์ไว้หลายประเภท แต่ละประเภทจึงมีลักษณะ เฉพาะ แตกต่างกัน เลเซอร์เครื่องเดียว ไม่สามารถรักษาปัญหาผิวพรรณได้ทุกชนิด แพทย์จะต้องเลือกชนิดของเลเซอร์ให้เหมาะสมกับสภาพปัญหา ที่สำคัญ สิ่งที่ควรรู้ก่อนจะตัดสินใจไปทำเลเซอร์ก็คือ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะทำเลเซอร์แล้วได้ผลดีเหมือนกันหมด เพราะมีข้อจำกัดหลายอย่าง ที่อาจทำให้การทำเลเซอร์กับคนหนึ่งอาจไม่ได้ผลดีเท่ากับอีกคน อันได้แก่ สีผิว บริเวณที่ทำ ความรุนแรงของปัญหา ฯลฯ

Posted on

เลเซอร์ และเครื่องมือต่างๆ ในการรักษาปัญหาผิวหน้าและความงาม

ความงามของผิวหน้า อาศัยเลเซอร์กับเครื่องมืออะไรบ้าง

ในคลินิกทำหน้า นอกจากการทำทรีทเม้นต์ ให้ครีมทา ให้ยารับประทาน หรือฉีดโบทอกซ์ ฟิลเลอร์แล้ว ยังมีหัตถการอื่น ที่ใช้เครื่องมือ หรือเลเซอร์ในการรักษาปัญหาผิวหน้า และความงาม ซึ่งได้ แบ่งกลุ่มตามปัญหาของคนไข้ ได้ดังนี้
1.กำจัดเนื้องอกธรรมดาของผิวหนัง :
กลุ่มติ่งเนื้อ กระเนื้อ ขี้แมงวัน ใฝขนาดไม่ใหญ่นัก โดยการทำให้ผิวหนังหลุดลอกออกไป ข้อดีของเลเซอร์คือ ไม่มีการเสียเลือด เหมือนการผ่าตัด และไม่จำเป็นต้องใช้การจี้ไฟฟ้าห้ามเลือด จึงลดอันตรายจากความร้อนลงได้มาก เลเซอร์ในกลุ่มนี้ ได้แก่ CO2 Laser 10,600 nm
2. เลเซอร์ลอกผิวหน้า (Laser Resurfacing :
การลอกผิวด้วยแสงเลเซอร์นี้ ผิวหนังแท้จะลอกออก โดยเลือกความตื้นลึกได้ แต่ไม่มีผลต่อเนื้อเยื่อรอบข้าง มักจะนำมาทำการรักษา ริ้วรอย หลุมสิว ผิวหนังเสื่อมจากโดนแสงแดด นานๆ (Photoaging) เลเซอร์ในกลุ่มนี้ ได้แก่ Fractional CO2 Laser Erbium:YAG laser 2.940 nm,fractional laser 1550 nm

3.ฝ้า กระ รอยดำ ปานดำ :
มักจะใช้ในรักษาปัญหาเม็ดสีมากผิดปกติ โดยการลดจำนวนเซลสี ทำให้รอยโรคลอกออก หรือทำให้จางลง ปัจจุบัน มักจะเลือกทำให้จางลง เพราะจะได้ไม่มีผลข้างเคียง รอยดำ หรือทำอันตรายต่อเนื้อเยื่อข้างเคียง เลเซอร์ในกลุ่มนี้ได้แก่ Q-switched Nd:YAG
4. ปานแดง รอยแดง รอยคล้ำจากเส้นเลือด เส้นเลือดขอด : หลักการ คือ เลือกเลเซอร์ที่ไปออกฤทธิ์ที่หลอดเลือดฝอยแดง หรือหลอดเลือดดำหดตัวลง แต่บางครั้งอาจจะต้องทำร่วมกับวิธีอื่นๆ ด้วย เช่นการฉายเลเซอร์ ควบคู่กับการฉีดยา เข้าหลอดเลือดในกลุ่มเส้นเลือดขอด สามารถทำลายเส้นเลือดตั้งแต่ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.5 จนถึง 3 mm เลเซอร์ในกลุ่มนี้ได้แก่ Pulse dye laser ( V-beam ),Long-pulsed laser( GentleYaG,Coolquide), IPL


6. ลบรอยสัก : ปัจจุบันรอยสักเกือบทุกสี สามารถลบออกได้ด้วยเลเซอร์ ซึ่งข้อดีคือ ไม่มีแผลเป็นหลังทำ เหมือนกับการลอกออกด้วยกรดเข้มข้น พบว่ารอยสักสีดำ แดง จะได้ผลดีกว่ารอยสักสีอื่นๆ
เลเซอร์ในกลุ่มนี้ได้แก่ Q-switched Nd:YAG ,Q-switched ruby
7. กำจัดขน : ปัจจุบันก็ยังไม่สามารถกำจัดขนได้ถาวร 100 % เพียงแต่อาจจะทำให้ลดลงและทำให้ขนใหม่ขึ้นได้ช้าลง ได้ผลดี ในกลุ่มขนสีดำ หรือสีเข้ม ขนาดไม่ใหญ่นัก เช่น ขนรักแร้ ขนหน้าแข้ง ขนแขน ขนในที่ลับ และได้ผลน้อย หรือต้องทำหลายๆ ครั้ง ในกลุ่มขนสีอ่อน เช่น ขนที่ใบหน้า หรือขนขนาดใหญ่ เช่น หนวดเครา
เลเซอร์ในกลุ่มนี้ได้แก่ IPL Long-pulsed ์Nd:YAGlaser ,Long-pulsed alexandrite laser , Long-pulsed diode laser

8. เลเซอร์ชนิดแสงความเข้มข้นสูง :
บางคนก็จัดเป็นเลเซอร์ บางกลุ่มก็จัดเป็นคลื่นแสงความเข้มสูง ่ข้อดี คือ เครื่องเดียวนำมารักษา ได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งการลดเซลล์สี การรักษาหลอดเลือด การกำจัดขน หรือการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน แต่เนื่องจากไม่เฉพาะเจาะลง จึงได้ผลไม่ดีนัก และเนื่องจากเป็นคลื่นแสง จึงมีความร้อน โอกาสเกิดผลข้างเคียง เช่น รอยไหม้ รอยดำ จึงเกิดได้ง่าย โดยเฉพาะคนสีผิวเอเซียหรือสีผิวเข้ม เลเซอร์ในกลุ่มนี้ได้แก่ IPL
9. ดึงหน้า ยกกระชับ ปรับรูปหน้า : หลักการก็คือกระตุ้นคอลลาเจน โดยใช้ความร้อนลึกลงไปใต้ผิว แต่ละระดับ ว่าต้องการแก้ไขตรงไหน หรือการร้อยไหม ซึ่งมีหลายแบบ ลงไปในชั้นผิว หลังทำจะมีการตึงตัวของผิวหนัง ร่วมกับการสร้างคอลลาเจนผิวหนังก็จะดึงกระชับ ปรับหน้าหย่อนคล้อย เครื่องมือ กลุ่มนี้ได้แก่ RF,HIFU,Thermage ,Titan,Exilis Elite,Ulthera ,การร้อยไหม