Posted on

วิตามินกันแดด ( Sun Vitamins) : รับประทานกันแดดเผา เอาไม่อยู่กับครีมกันแดด

แสงแดด ปัจจุบันนี้ได้มีการศึกษาและวิจัยแล้วว่า นอกจากจะมีข้อดีต่อการสังเคราะห์วิตามินต่างๆ ในร่างกายแล้ว ก็ยังมีข้อเสียเช่นกันสำหรับผิวพรรณ เพราะการตากแดดบ่อยๆ โดยไม่ป้องกัน ทาครีมกันแดด..จะทำให้เกิดปัญหาผิวแก่ก่อนวัย เกิดริ้วรอย ขาดความยืดหยุ่น หน้าหมองคล้ำหรือผิวไหม้แดด เกิดภาวะผิวเสื่อมมีเส้นเลือดขยายตัวเป็นรอยแดง ที่ซ้ำร้ายกว่านั้น อาจจะทำให้เกิดมะเร็งผิวหนัง ฝ้า กระ ตามมาได้
การทาครีมกันแดด ถึือว่าจำเป็น แต่ในบางสภาวะ ที่ต้องตากแดดนานๆ จนครีมกันแดดเอาไม่อยู่ หลุดออก เพราะเหงื่อ หรือในบริเวณที่ครีมกันแดด ทาไม่ถึง เช่นที่หลัง อาจจะมีปัญหาได้
 วิตามินกันแดด ( Sun Vitamins) ปัจจุบันได้มีการค้นคว้าวิจัย วิตามินแบบรับประทานเพื่อป้องกันแสงแดดออกมาด้วย ที่เรียกว่า Systemic Sunscreen ออกมาจำหน่ายกันแล้วนะครับ เพื่อจะป้องกันผิวทั่วตัว โดยไม่ต้องยุ่งยากกับการทาครีมกันแดดให้วุ่นวาย เหนอะหนะ 
สกัดจากไหน มีสรรพคุณอย่างไร
สกัดจากใบเฟิร์นชนิดหนึ่งในแถบอเมริกาใต้ ที่ชื่อว่า Polypodium Leucomotos ( PLE) โดยมีสารโพลีฟีนอลที่มีคุณสมบัติเป็นแอนตี้ออกซิแดนซ์ในการป้องกัน อนุมูลอิสระมิให้ถูกทำลายจากรังสียูวี ซึ่งพบว่าได้ผลดีกว่าสารแอนตี้ออกซิแดนซ์เก่าๆ อันได้แก่ วิตามินซี วิตามินอี ที่เรารู้จักกันดี
ออก

ประสิทธิภาพเป็นอย่างไร
สามารถออกฤทธิ์ได้เร็วหลังรับประทานเพียง 2 ชั่วโมง ในขณะที่การรับประทานวิตามินอี หรือซี จะต้องใช้เวลาในการป้องกันผิวจากแสงแดดต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 สัปดาห์
ออกวางจำหน่ายทั่วไปหรือยัง
ปัจจุบันได้มีบริษัทชั้นนำในอเมริกา ได้ผลิตออกมาจำหน่ายบ้าง แล้วตั้งแต่ปี 2003 โดยบรรจุในรูปของแคบซูล ๆละ 240 มก. โดยให้ชื่อว่า Sun Vitamins โดยใน 1 แคบซูลจะประกอบด้วย เฟิร์น PLE 240 มิลลิกรัม ชาเขียว 50 มิลลิกรัม และสารเบต้าแคโรทีน 10 มิลลิกรัม เป็นองค์ประกอบหลัก นอกจากนี้บางบริษัทยังนำเฟิร์นนี้มาผสมในครีมกันแดด ครีมบำรุงผิวกันบ้างแล้วเช่นกัน
รับประทานอย่างไร สามารถสั่งซื้อได้ที่ไหน
ขนาดที่รับประทานก็คือ 240-480 มก.ต่อวัน ส่วนผิวเอเซีย ถ้าต้องการให้ผิวขาวใส ออกแดดได้โดยไม่กลัวดำ  สนนราคาอยู่ที่ 1,800 บาทต่อขวดบรรจุ 60 เม็ด รับประทานได้ประมาณ 1 เดือนนะครับ 

วิตามินกันแดดนี้ ต้องทำความเข้าใจก่อนนะครับว่า เป็นการป้องกันไม่ใช่การรักษา ดังนั้นคนที่มีปัญหาฝ้า กระ หรือริ้วรอยอยู่ก่อนแล้ว ไม่สามารถทำให้ดีขึ้นได้ ต้องทำการรักษาควบคู่กันไปด้วย ขณะเดียวกันการป้องกัน เลี่ยงแดดก็ยังเป็นสิ่งที่จำเป็น

Posted on

7 แร่ธาตุและสารอาหารสำหรับผิวพรรณ ป้องกันแก่ก่อนวัย หาง่ายๆ ได้ด้วยตนเอง

สาเหตุผิวหนังที่เสื่อมหรือแก่ก่อนวัย

  1. แสงแดด ทั้งรังสียูวีเอ ที่ทำลายโครงสร้างของผิวหนัง ทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น รังสียูวีบีที่ทำให้เกิดผิวหนังดำคล้ำ หรือทำให้เซลล์ผิวหนังเปลี่ยนแปลงเป็นมะเร็ง ดังนั้นจึงต้องป้องกันด้วยการทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF (สำหรับป้องกันรังสียูวีบี) และค่า PA (สำหรับป้องกันรังสียูวีเอ) ที่เพียงพอและทาเป็นประจำ
  2. อนุมูลอิสระ ที่เกิดขึ้นจากปฏิกริยาออกซิเดชั่น จึงได้มีการคิดค้นสารที่เป็น Antioxiants ที่จะจำกัดอนุมูลอิสระเหล่านี้ ทั้งในรูปของครีมบำรุงผิว และ ในรูปของอาหารเสริม เช่น กลุ่ม Glutathione peroxides,Selenium,Viamin C, Vitamin E, Vitamin A , Beta carotene , Coenzyme Q10
  3. สิ่งแวดล้อม มลพิษ เขม่าควันต่างๆ
  4. ขาดสารอาหาร สำหรับผิวพรรณ หรือรับประทานไม่เพียงพอ

    แร่ธาตุและสารอาหารสำหรับผิวพรรณ
    1. Vitamin C เป็นสาร Antioxidantsที่พบมากที่สุดในผิวหนัง ทำหน้าที่ลดอนุมูลอิสระ ป้องกันมะเร็งผิวหนัง ชะลอริ้วรอยเหี่ยวย่น และมีความจำเป็นต่อการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นหนังแท้ ใช้ป้องกันและรักษาเม็ดสีเมลานินที่ผิดปกติ ลดรอยหมองคล้ำ ฝ้า กระ รอยด่างดำตามร่างกาย
    – อาหารที่มีวิตามินซีสูง ได้แก่ ผลไม้ตระกูลส้ม มะนาว ฝรั่ง มะขาม มะละกอสุก แคนตาลูป มะเขือเทศ กะหล่ำปลี ดอกกระหล่ำเป็นต้น ซึ่งหากรับประทานอาหารเหล่านี้ไม่เพียงพอ อาจจะรับประทานวิตามินซีสังเคราะห์วันละ 500-100 มก.ก็เพียงพอ เพราะหากรับประทานในปริมาณสูงกว่านี้ อาจทำให้ระดับ oxalate ในปัสสาวะสูง เกิดนิ่วในไตได้

2. Vitamin E เป็นสาร Antioxidants ที่มีบทบาทสำคัญในการป้องกันเนื้อเยี่อจากการถูกเอนไซม์ทำลาย ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิวพรรณ ป้องกันและลดอันตรายจากแสงแดด และลดการเกิดเซลล์มะเร็งได้ ลดความเสื่อมของผิวหนังที่ทำให้เกิดริ้วรอย
อาหารที่มีวิตามินอีสูง ได้แก่ น้ำมันพืชประเภทน้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันปาล์มโอเลอิน น้ำมันรำข้าว งา น้ำมันสลัด ถั่วเปลือกแข็ง เมล็ดพืชต่างๆ จมูกข้าวสาลี ผักใบเขียว ซึ่งหากรับประทานอาหารเหล่านี้ไม่เพียงพอ อาจจะรับประทานวิตามินอีในรูปอาหารเสริม วันละ 400 มก.ก็เพียงพอ
3. Vitamin A โดยใช้สารตั้งต้นที่ชื่อ เบต้าแคโรทีน และสารแคโรทีนอยด์ แล้วร่างกายเปลี่ยนแปลงเป็นกลุ่มเรตินอล (Retinol) วิตามินเอ ช่วยในการเจริญเติบโตของเซลล์และเนื้อเยื่อ ของร่างกายให้เป็นไปตามปกติ มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ชะลอผิวเสื่อม ริ้วรอยย่นก่อนวัย
อาหารที่มีวิตามินเอสูง ได้แก่ อาหารจากผลิตภัณฑ์สัตว์ ตับ น้ำมันตับปลา ไข่ นม ผักผลไม้ที่มีสีเหลือง เช่น ฟักทอง แครอท ผักบุ้ง คะน้า ตำลึง มะละกอสุก มะม่วงสุก แคนตาลูป กล้วยไข่ ลูกท้อแห้ง เป็นต้น ร่างกายปกติ ต้องการวิตามินเอ ประมาณ 1000 ไมโครกรัมต่อวัน ( ในรูปของ Retinol)

4. ซีลีเนียม ( Selenium) ถือเป็นสารที่สำคัญที่ทำงานร่วมกับวิตามินอี ในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มความยืดหยุ่นแก่ผิวพรรณ ป้องกันมะเร็ง ผิวหนังจากแสงแดด การทาครีมที่ผสมซิลีเนียม จะทำให้ลดอาการแดดเผา ผิวหนังอักเสบได้ และป้องกันมะเร็ง
อาหารที่มีซิลีเนียม ส่วนใหญ่ร่างกายจะได้รับเพียงพอ เพราะต้องการเพียงปริมาณไม่มากนัก อาหารเหล่านี้ได้แก่ อาหารทะเล ตับ ไต เนื้อสัตว์ กระเทียม ไข่ เมล็ดพืชต่างๆ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องรับประทานเป็นอาหารเสริม
5. ไบโอติน สารอาหารที่อยู่ในตระกูลวิตามินบี เป็นสารที่มีประโยชน์ในเรื่องการเผาผลาญ และปรับสมดุลของการไขมัน โปรตีน และคาร์โบไฮเดรต การขาดวิตามินนี้ จะทำให้ผิวแห้ง เบื่ออาหาร เส้นผมและเล็บเปราะหักง่าย ผมงอกช้า
อาหารที่มีไบโอตินสูง ได้แก่ ขนมปัง ธัญพืชไม่ขัดสีต่างๆ อาหารโปรตีนสูง ไข่แดง ตับ บรูเวอร์ยีสต์ ข้าวกล้อง ถั่วชนิดต่างๆ ปกติร่างกายของเราจะได้รับสาร ไบโอติน ในปริมาณที่ไม่เพียงพอ แต่โชคดีที่ภายในร่างกายมี แบคทีเรียที่ชื่อ Lactobacillin ในลำไส้ ที่สามารถผลิตสารไบโอตินได้ แต่ถ้าต้องการรับประทานเป็นอาหารเสริม ปริมาณที่เหมาะสมคือ วันละ 600-1,200 มก

5. สังกะสี  เป็นแร่ธาตุที่เป็นส่วนประกอบของเอนไซม์กว่า 70 ชนิด ทั้งที่ทำหน้าที่ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยในการดูดซึมของกรอไลโนเลอิก ซึ่งเป็นกรดไขมันที่สำคัญและจำเป็นต่อร่างกาย ช่วยให้เซลล์สามารถจับกับวิตามินเอ ได้ดีขึ้น มีความสำคัญในการรักษาแผลหรือสมานแผล
อาหารที่มีสังกะสีสูง ได้แก่ หอยนางรม อาหารทะเล ตับ ชีส เนื้อสัตว์ เป็ด ไก่ ไข่ นม รวมทั้งธัญพืชที่ไม่ได้ขัด ถั่วเหลือง ถั่วเมล็ดแห้ง และถั่วเปลือกแข็ง ร่างกายต้องการสังกะสี ในปริมาณที่แตกต่างกันในแต่ละเพศ วัย และภาวะของร่างกาย แต่โดยเฉลี่ยไม่ควรเกินวันละ 15-30 มก.
7. Coenyme Q10 เป็นสารAntioxidants ที่ค้นพบมานานแล้ว โดยพบมากที่อวัยวะที่มีการ metabolism สูง เช่น หัวใจ ไต และตับ โดยทำหน้าที่ถ่ายทอดพลังงาน สำหรับผิวหนัง CoQ10 ในชั้น epidermis มากกว่า dermis มีสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ ( free radicles) จึงเชื่อว่า สามารถลดริ้วรอยเหี่ยวย่นได้
อาหารที่มีโคเอนไซม์ Q10 ได้แก่ ปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาซาร์ดีน ปลาแมคเคอเรล ปลาทูน่า เครื่องในสัตว์ เฉพาะส่วนหัวใจตับ ไต เนื้อวัว ส่วนในพืชจะพบได้บ้างในถั่วลิสง และน้ำมันถั่วเหลือง
ปัจจุบันได้นำมาทำเป็นครีมทาเฉพาะที่ เพื่อลดริ้วรอย โดยเฉพาะรอยดวงตา

การเลือกสารอาหารที่มีวิตามินและแร่ธาตุที่เป็นอาหารผิว ทำให้ท่านสามารถบำรุงผิวพรรณได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องสรรหาจากผลิตภัณฆ์อาหารเสริมออนไลน์ มากมาย หลายยี่ห้อ ราคาก็แตกต่างกันมากมาย พร้อมบรรยายสรรพคุณชวนให้เสียเงินได้ง่ายๆ หรือถ้าจะเลือกก็พิจารณาเลือกอย่างเหมาะสม และในปริมาณที่เพียงพอ ไม่มากหรือน้อยเกินไป เพื่อสุขภาพของกระเป๋าสตางค์ท่านเช่นกัน