Posted on

4 เทคฯ เช็คหน้าบาน ตรวจเองได้ สาเหตุจากอะไร แก้ไขยังไงให้ได้ผล หน้าวี ดูดี ดูเด็ก

ทำไมรูปหน้าเล็ก จึงดูหน้าเด็กอ่อนวัยกว่าหน้าบาน จริงหรือไม่  :

จริงครับ เพราะการที่รูปหน้าเราเล็ก เป็นวีเชฟ นอกจากจะถ่ายรูปดูดี ดูสวยทุกมุมมองแล้ว ยังช่วยให้ดูไม่แก่ง่ายด้วย สังเกตมั้ยครับว่า คนที่ตัวเล็ก รูปร่างเล็ก หน้าเล็ก จะดูอ่อนวัยกว่าคนที่หน้าบาน ตัวใหม่ เนื่องจากมีทฤษฎิว่าด้วยความชรา ที่พบว่า ใบหน้าของคนเรา เมื่อเวลาผ่านไป รูปหน้าของเราในวัยเยาว์ จะมีลักษณะเป็นสามเหลี่ยมหงายขึ้น ที่เรียกว่า Triangle of youth แต่พออายุมากขึ้น รูปหน้าเราจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสี่เหลี่ยม หรือสามเหลี่ยมคว่ำลง ที่เรียกว่า ปิรามิดแห่งความชรา หรือ Triangle of aging
ดังนั้นถ้าเราสามารถเปลี่ยนแปลงรูปหน้าให้ดูวีเชฟหรือเปลี่ยนจากสามเหลี่ยมคว่ำลง ไปเป็นสามเหลี่ยมหงายขึ้นได้ เราจะดูเด็กอ่อนวัยขึ้น
การทำให้หน้าเล้กมีได้หลายหลายวิธี การแก้ไขก็ต้องแล้วแต่สาเหตุุที่ทำให้หน้าเราบาน

4 ก. 4 เทคนิค เช็คสาเหตุที่ทำให้หน้าบานและวิธีการแก้ไขให้หน้าเล็กลง

1. กล้ามเนื้อ : ถ้าท่านที่กล้ามเนื้อกรามที่ใหญ่ อาจจะจากกรรมพันธุ์หรือจากพฤติกรรมการชอบเคี้ยวของแข็งๆ เหนียวๆ จนทำให้กล้ามเนื้อกรามโตขึ้น ที่เรียกว่า Massetter muscles hypertrophy หน้าท่านก็อาจจะบานขึ้นได้ แถมถ้าชอบเคี้ยวข้างเดียว อาจจะทำให้หน้าท่านบานไม่เท่ากันด้วย อย่างนี้ท่านก็ ควรจะพบแพทย์เพื่อฉีดโบทอกซ์ ปรับรูปหน้าให้กล้ามเนื้อเล็กลง

2. แก้ม : ถ้าท่านเป็นคนที่มีแก้ม จากไขมันสะสมมาแต่เด็ก จากการที่ไม่ควบคุมอาหาร ไมไ่ด้ออกกำลังกาย หรือน้ำหนักเพิ่มขึ้น แก้มท่านก็อาจจะใหญ่ขึ้นด้วยไขมันที่เพิ่มพูน หน้าท่านก็จะกลมแป้น ยิ้มตาหยีได้ ท่านก็สามารถจะแก้ไขด้วยการฉีด เมโสแฟต ลดแก้ม หลังฉีดก็จะควบคุมการอาหาร และออกกำลังกายเพื่อมิให้ไขมันกลับมาสะสมได้อีก

3. กรอบหน้าหย่อนคล้อย : ถ้าอายุมากขึ้น รูปหน้าท่านย่อมจะย่อนคล้อยเป็นธรรมดา หน้าท่านอาจจะเป็นจากสามเหลี่ยมเป็นสี่เหลี่ยม การแก้ไข ท่านก็อาจจะต้องยกกระชับหน้า อาจจะด้วยการฉีดลิฟท์กรอบหน้า หรือใช้เครื่องมือ เช่น Termage, HIFU,Ulthera เพื่อยกกระชับ หรืออาจจะฉีดโบทอกซ์ยกกระชับกรอบหน้า

4.กระดูกกราม : บางคนหน้าบาน จากโครงหน้ากรรมพันธุ็ กระดูกรามใหญ่ พวกนี้อาจจะแก้ไขด้วยการฉีด หรือใช้เครื่องมือให้หน้าเล็กลงได้ อาจจะต้องใช้การทำศัลยกรรมตัดกรามเท่านั้น

Posted on

ฉีดปากให้หน้าเปลี่ยน จะสายฝอหรือสายเกา ปากเราก็ “อวบอิ่ม ยิ้มสวย”

ฉีดปากให้อวบอิ่มยิ้มสวย

– เทรนด์ความงามตอนนี้ ไม่มีอะไรแรงยิ่งไปกว่า การฉีดเติมปากด้วยฟิลเลอร์ HA  เพราะริมฝีปาก เป็น 1 ในจุดศูนย์กลางบนใบหน้า ที่บ่งบอกถึงความมีเสน่ห์ ความเป็นตัวเรา และบ่งบอกอายุผิวได้ ปากที่ดูอวบอิ่ม ยิ้มสวย นอกจากจะง่ายในการทาลิปสติกแล้ว ยังทำให้ดูอ่อนวัย ดึงดูดสายตาทุกคนให้ยั่วยวนน่ามอง  เทรนด์ความงามตอนนี้ ไม่มีอะไรแรงยิ่งไปกว่า การฉีดฟิลเลอร์ปาก

เทรนด์การฉีดปากในปัจจุบัน แบ่งได้เป็น

1. . Caucasian Style หรือปากสายฝอ : ดาราต้นแบบของสายนี้ ก็ได้แก่ Kylie Jenner,Kim-Kardashian,Angellina Jolie,Julia Robers,Scarlett Johansan ปากสายฝอ จะเน้นดูเซ็กซี่ น่าจุ๊บ เลือกลิปสติกได้หลากหลาย โดยปากจะดูเต็มๆ เน้นความอวบอิ่ม ทั้งริมฝีปากบนและล่าง ขนาดใกล้เคียงกัน ขอบปากต้องคมชัด ปากบนต้องเชิดขึ้นนิดๆ รูปปากแบบนี้ก็มีตั้งแต่ Full lips ,Heavy lower lip
2. Asian Style หรือปากสายเกา ดาราต้นแบบของสายนี้ ก็ได้แก่ Jeon Ji Hyun,Kim Tae Hee,Yoon Eun Hye ,Lee Ji Eun(IU), Song Hye Kyo ปากสายเกา จะดูอ่อนหวานละมุน ดูเป็นธรรมชาติ น่าทะนุถนอม แลดูอ่อนวัย รูปปากแบบนี้ก็มีตั้งแต่ Heavy lower lip,Bow Shaped lips ,Wide lips

ฉีดฟิลเลอร์ปาก นอกจากจะต้องการจะเปลี่ยน
ลุคตามเทรนด์แล้ว นำมาแก้ปัญหาอะไรได้อีกบ้าง?

1.ลดปัญหาริมฝีปากบางในคนสูงอายุ ซึ่งพบได้ปกติที่ริมฝีปากจะบางลง เมื่ออายุมากขึ้น ทำให้ทาลิปสติกได้ลำบาก ทาแล้วล้นขอบปาก
2.ลดปัญหาปากไม่รูป ขอบปากไม่ชัด ฟิลเลอร์ นอกจากจะฉีดเติมเต็มแล้ว ยังสามารถนำมาฉีดไล่บริเวณขอบปาก เพื่อปรับให้ขอบปากชัด ดูเป็นกระจับทรงสวยได้อีกด้วย
3. ลดปัญหามุมปากตก ทำให้หน้าบึ้งตลอดเวลา ถ่ายรูปไม่สวย การฉีดยกมุมปากด้วยฟิลเลอร์ สามารถแอบยกมุมปากได้ และได้ผลดีถ้าทำควบคู่กับการฉีดโบทอกซ์ยกมุมปาก

ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก ต้องเตรียมตัวอย่างไร

  1. พบแพทย์ และปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการฉีดฟิลเลอร์อย่างเหมาะสม
  2. งดรับประทานยาที่มีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน รวมทั้งวิตามิน อาหารเสริมต่างๆ เช่น วิตามิน A วิตามิน E หรือน้ำมันตับปลา อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการบวมช้ำหลังฉีด
    3.หากมีโรคประจำตัวหรือมียาที่รับประทานเป็นประจำต้องแจ้งแพทย์โดยละเอียด
    4.หากมีประวัติแพ้ยาหรือสารอื่นๆ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ

หลังฉีดปาก ฉีดฟิลเลอร์ปากต้องปฏิบัติตัวอย่างไร?[

1.หลังทำ ไม่ควรหรือหลีกเลี่ยงการทาลิปสติกทันที ควรรออย่างน้อย 1 วัน เพื่อให้แผลจากรอยเข็มปิดสนิทก่อน เพื่อป้องกันการติดเชื้่อจากลิปสติก
2.งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มร้อนและงดสูบบุหรี่ อย่างน้อย 1 อาทิตย์ เพราะอาจกระตุ้นให้เกิดอาการบวมหรืออักเสบได้ง่าย
3. งดกิจกรรมหรือการออกกำลังกายหนักๆ จนกว่าปากจะหายบวม เพราะอาจทำให้ปากเสียรูปทรงได้

ใครที่ไม่ควรจะฉีดฟิลเลอร์ปาก

1.ผู้ที่เป็นเริมบริเวณริมฝีปากบ่อยๆผู้ที่เป็นเบาหวาน และระดับน้ำตาลสูง
2. ผู้ที่มีปัญหาติดเชื้อในช่องปาก ริมฝีปาก
3. หาโรคแพ้ภูมิตัวเอง โรคเลือด หรือมีภาวะการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ
4. ผู้ที่รับประทานยาละลายลิ่มเลือด
ฉีดฟิลเลอร์ปาก อยู่ได้นานแค่ไหน ? 
ปกติหลังทำอยู่ได้นาน 8 เดือน – 1 ปี แนะนำให้ปฏิบัติตัวตามที่คุณหมอแนะนำหลังทำ  เพื่อนอกจากจะได้ปากสวยแล้ว ยังอยู่ได้นานอีกด้วย


ค่าใช้จ่ายในการฉีดฟิลเลอร์ปาก

ค่าใช้จ่ายในการฉีดฟิลเลอร์ปากนั้นขึ้นอยู่กับชนิดและปริมาณของฟิลเลอร์ ปกติจะใช้ 1-3 CC แล้วแต่รูปปากที่เราต้องการ  โดยส่วนใหญ่ฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐานผ่านอย มักจะเริ่มต้นที่ประมาณ 15,000 บาทต่อ CC (อาจจะรวมหรือยังไม่รวมค่าบริการ ค่ามือแพทย์ ) ถ้าราคาต่ำกว่านี้ ให้ระวังอาจจะเจอของปลอมได้  

สนใจสอบถามเพิ่มเติมรายละเอียดได้ที่นี่
Facebook:  https://www.facebook.com/clinicneo/
Add LINE ปรึกษาได้ที่ Line ID : @cliicneo  หรือ ✅Click✅ http://bit.ly/2Jfx2Kh

Line@
Posted on

จมูกบาน จมูกชมพู่ ดูดีขึ้นได้ ถ้าแก้ไขให้ถูกจุด จึงจะถูกใจ

จมูกบาน ทำไงดี

จมูกบาน ไม่ได้รูปทรง จมูกชมพู่ ยิ้มแล้วบานมากขึ้น เป็นปัญหาด้านความงามที่พบได้บ่อยๆ สำหรับคนเอเชีย เพราะด้วยเชื้อชาติและกรรมพันธุ์ นอกจากจะไม่ค่อยมีดั้งกันแล้ว ปีกจมูก หรือปลายจมูก ไม่ได้รูปก็มักจะมีปัญหาเช่นกัน ดังนั้นจะเห็นกันได้บ่อยๆ ว่าเวลาทำศัลยกรรมจมูกแล้วมักจะตัดปีกจมูกไปด้วย เพื่อให้จมูกโดยรวมดูเล็กลง ได้สัดส่วน ทำให้หน้าเป๊ะปังมากขึ้น
การตรวจสอบง่ายๆ ว่าจมูกบานหรือไม่
– ให้สังเกตง่ายๆ โดยการดูว่าปีกจมูกเลยหัวตาของคุณออกไปหรือไม่ (ตามรูป) ถ้าไม่เลย หรือเลยออกไปนิดเดียวและไม่รู้สึกว่าเป็นปัญหา ก็ปล่อยไว้อย่างนั้น แต่ถ้ารู้สึกว่าปีกจมูกดูบานหรือปีกจมูกเลยหัวตาออกไปเยอะ โดยเฉพาะเวลายิ้ม นั่นแสดงว่าจมูกของคุณบานและไม่สมส่วนกับใบหน้า ซึ่งทางแก้ก็คือมาปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุ และแนวทางแก้ไขต่อไป

สาเหตุของจมูกบาน จมูกชมพู่ และแนวทางแก้ไข 

ก่อนตัดสินใจแก้ปัญหาจมูกบาน สิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรก คือ ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้ละเอียดก่อน ว่าสาเหตุของจมูกบานนั้นมีสาเหตุจากอะไร โดยแพทย์จะตรวจสอบ เพื่อวางแนวทางแก้ไขให้เหมาะสม สาเหตุหลักๆ มีดังนี้
1. จากเนื้อผิวหรือไขมัน ในคนที่มีเนื้อผิวหรือไขมันใต้ผิวบริเวณจมูกมากเกินไป จะทราบได้จากจมูกจะกลมๆ เหมือนชมพู่ ปลายไม่คม และเมื่อจับดูบริเวณจมูกจะค่อนข้างนิ่ม
แนวทางแก้ไข : ถ้าเนื้อผิวจมูกนุ่ม การฉีดเมโสแฟตรัดแกนจมูก จะช่วยลดความหนานุ่มของเนื้อจมูกลงได้ มักจะทำทุก 1 อาทิตย์จนกว่าจะพอใจ หลังทำสาเหตุลดได้ถาวร ไม่กลับมาใหม่ ไม่มีแผลเป็นหลังทำ

2. จากกล้ามเนื้อ :   ดูได้จากเวลาที่ยิ้ม หากปีกจมูกยกขึ้นตาม แสดงว่าเกิดจากกล้ามเนื้อที่อยู่บริเวณเหนือปีกจมูก ทำงานมากกว่าปกติ กล้มเนื้อที่เกี่ยวข้อง มีอยู่ 3 มัด ดังภาพด้านล่าง
แนวทางแก้ไข : : มักจะแก้ไขด้วยการฉีดโบทอกซ์ลดปีกจมูก ซึ่งต้องทำซ้ำทุก 4 เดือน ไม่มีแผลเป็นหลังทำ ส่วนตำแหน่งการฉีดก็แตกต่างกันแล้วแต่จมูกบานจากกล้ามเนื้อมัดไหน ซึ่งกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องมีดังนี้
2.1. กล้ามเนื้อ Transverse Nasalis Muscles (หมายเลข 1)  : กล้ามเนื้อมัดนี้เจอได้บ่อยสุด สังเกตได้ เวลายิ้มแล้วจมูกบานกางออกเลยหัวตามากขึ้น แต่เวลาไม่ยิ้ม ปีกจมูกไม่เลยหัวตา กล้ามเนื้อมัดนี้ นอกจากจะฉีดลดปีกจมูกแล้ว ยังสามารถฉีดโบท็อกซ์รัดแกนจมูก เพื่อให้สันจมูกคมชัดและดูโด่งขึ้น รวมถึงลดริ้วรอยบริเวณสันจมูกส่วนบน เวลายิ้ม จะทำให้ใบหน้าโดยรวมดูอ่อนเยาว์
2.2 กล้ามเนื้อ Dilator Naris Muscles (หมายเลข 2)  : กล้ามเนื้อมัดนี้ สังเกตได้ เวลาทำปีกจมูกให้หุบบานเข้าออก แล้วรูจมูกกว้างขึ้น
2.3 กล้ามเนื้อ Depressor Septi Nasi Muscles (หมายเลข 3)  : กล้ามเนื้อมัดนี้ สังเกตได้ เวลายิ้มปลายจมูกจะงุ้มลง ทำให้ปีกจมูกบานออก

3.จากกระดูกอ่อน  สังเกตได้จากปีกจมูกจะบานเลยหัวตา ไม่ว่าจะยิ้มหรือไม่ยิ้ม ยิ่งถ้ายิ้มยิ่งบานมากขึ้น ถ้าจับดูก็จะพบว่าปีกจมูกจะแข็งไม่นิ่ม
แนวทางแก้ไข : มักจะแก้ไขด้วยทำศัลยกรรมตกแต่งปีกจมูก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยแก้ไขรูปทรงจมูกในผู้ที่มีปีกจมูกกว้าง รูจมูกบาน รูจมูกใหญ่ โดยการศัลยกรรมนี้จะทำให้จมูกดูเรียวเล็ก ได้สัดส่วนเข้ากับรูปหน้ามากขึ้น ด้วยแผลที่ไม่ใหญ่มากและใช้เวลาไม่นาน จึงสามารถทำร่วมกับการเสริมจมูกได้  มีแผลเป็นหลังทำ แต่แพทย์ส่วนใหญ่จะมีเทคนิคซ่อนแผลบริเวณรอยพับของจมูก ทำให้ไม่เป็นจุดสังเกตเห็นได้ง่าย เทคนิคที่ใช้ในการทำ ศัลยกรรมตัดปีกจมูก เทคนิคที่ทำหลักๆ คือ

  • การเย็บ ตัดปีกจมูกด้านใน หรือ การตัดปีกจมูกแผลใน โดยไม่จำเป็นต้องตัด
  • การตัดเนื้อออกเพื่อลดความกว้างของฐานรูปทรงจมูก (วิธีนี้เหมาะกับคนที่ปีกจมูกไม่หนามากนัก)
  • การตัดเนื้อจมูกด้านข้างออกไป และการตัดความหนาของปีกจมูก (วิธีนี้เหมาะกับคนที่มีเนื้อจมูกค่อนข้างเยอะหรือเนื้อจมูกหนา

ดังนั้นก่อนจะตัดสินใจปรับแต่งปีกจมูกบานให้ดูดีขึ้น ควรจะพบแพทย์เพื่อให้ประเมินก่อนว่า สาเหตุของจมูกบานเกิดจากอะไร จะได้แก้ไขอย่างไร ด้วยวิธีไหน จึงจะดูดีขึ้น คุยให้แน่ใจ เข้าใจ   จะได้ไม่เสียเวลา เสียเงิน แล้วไม่ได้ผลดังที่ต้องการ

Line@
Posted on

ร้อยไหมมินท์( MINT LIFT) ยกหน้าให้ตึง ดึงหน้าให้เรียว ได้ผล ปลอดภัย ผ่าน อย.

ร้อยไหม ยกกระชับ ปรับหน้าวี

การร้อยไหม คือ การใช้เข็มนำเส้นไหมละลายจากเกาหลี มาร้อยเข้าไปในชั้นผิวหนัง เพื่อการยกกระชับและฟื้นฟูผิวโดยการ ไหมละลายชนิดนี้แต่เดิมใช้ในการเย็บเนื้อเยื่อเกี่ยวพันหรือเส้นเลือดในร่างกาย ต่อมาได้มีการพัฒนามาใช้ในแวดวงความงาม โดยบริเวณที่ร้อยไหมจะเกิดการกระตุ้นการสร้างเส้นเลือดใหม่ ส่งผลให้เกิดการกระตุ้นเซลล์ที่สร้างเส้นใยคอลลาเจน มาพันรอบแนวเส้นไหม ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการตึงรั้งผิว ผิวจึงเต่งตึง จึงเป็นการฟื้นฟูสภาพผิวพร้อมยกกระชับไปในตัว

ไหมมิ้นต์ (MINT LIFT) คืออะไร

หมมิ้นท์  MINT ย่อมาจากMinimalInvasive Non surgicalThread คือเป็นการร้อยไหมดึงหน้าที่ไม่ต้องผ่าตัด และมีความรุนแรงของการร้อยไหมไม่มาก โดยไหมมิ้นท์ผลิตที่เกาหลี ลักษณะเป็นไหมเงี่ยง PDO (Polydioxanone) ลักษณะเด่นของ Mint Lift    จะเป็นเส้นไหมยาว และมีเงี่ยงอยู่รอบเส้นลักษณะคล้ายก้านกุหลาบ มีเงี่ยงเล็กๆวนเป็นเกลียวรอบแกนไหม 360 องศา เส้นไหมมีความแข็งแรง ไม่เปราะหักง่าย เมื่อนำมาใช้ดึงหน้า และมีจุดยึด จุดแขวน (Suspension thread) 3 มิติแตกต่างจากยี่ห้ออื่นๆ ในท้องตลาด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการยกกระชับ และปรับรูปหน้าให้เป็น V-Shape
-Mint Lift มี 2 แบบ คือ
43 cm ใช้ร้อยเพื่อยกกระชับและปรับรูปหน้า
17 cm ใช้เก็บรายละเอียดในการยกกระชับและปรับรูปหน้าเพื่อความสวยที่ไร้ที่ติ

ไหมมิ้นท์มีคุณสมบัติแตกต่างจากไหมยี่ห้ออื่นๆ อย่างไร 

1) MINT LIFT® เป็นไหม PDO ยี่ห้อเดียวที่ ผ่านการรับรองมาตรฐานอ.ย. ไทย ตามข้อบ่งชี้การยกกระชับหน้า (Lift-Face) นอกจากนี้ได้รับการรับรองจาก  USA FDA, Korea FDA, Japan FDA, India FDA, Mexico FDA,KFDA  เส้นไหมมิ้นท์ลิฟท์นี้มีความเหนียว แข็งแรงในการยึดเกาะมากกว่าไหมbrab ถึง 3 เท่าและด้วยวิธีการร้อยไหมที่แตกต่างกัน ทำให้ผลของการยกกระชับชัดเจนมากกว่าไหนตัดตัวอื่นๆและหน้าดูเรียวนานกว่าด้วย
2)ไม่ได้ทำการบากแกนไหมเส้นด้วยเลเซอร์ให้มีเงี่ยงออกมาเป็นก้างปลา เหมือนยี่ห้ออื่นในท้องตลาด ซึ่งการบากแกนไหมให้เป็นเงี่ยง ทำให้เงี่ยงเกิดการเปราะหักง่าย ซึ่งจะลดประสิทธิภาพของการยกกระชับ แต่ไหมมินท์เกิดจากการหลอมขึ้นมาด้วยบล็อค ทรงกระบอก และมีเงี่ยงยื่นออกไป ขึ้นรูปเป็นเส้นไหม ทำให้ยากต่อการเปราะหัก ความแข็งแรงจึงมากกว่า ปริมาณเนื้อไหมมากกว่า ในความยาวที่เท่ากัน
3) การเรียงตัวของเงี่ยงรอบเส้นไหม เรียงเป็นเกลียวรอบแกนไหม ไม่ได้มีเงี่ยงเรียงขนานเป็นเส้นตรงด้านข้างเหมือนไหมก้างปลาจึงยึดเกาะผิวได้ดีกว่

3) การเรียงตัวของเงี่ยงรอบเส้นไหม เรียงเป็นเกลียวรอบแกนไหม ไม่ได้มีเงี่ยงเรียงขนานเป็นเส้นตรงด้านข้างเหมือนไหมก้างปลาจึงยึดเกาะผิวได้ดีกว่า
4) เทคนิคการร้อยแต่ละเส้นจะมีจุดแขวนหรือจุดคล้องใต้ผิวหนังบริเวณขมับเหนือใบหู ที่อยู่ในชั้นลึกกว่าที่เรียกว่า SMAS จึงมีจุดแขวนเพื่อใช้ในการดึงไหมที่ตึงมาก สามารถดึงยกใบหน้าให้กระชับได้ดี ต่างจากไหมก้างปลาที่ไม่มีจุดคล้องอาศัยก้างปลาเป็นตัวค้ำเพื่อยกไม่ให้ใบหน้าหย่อนคล้อยลง
5)ไหมแต่ละเส้นที่คล้องผ่านจุดยึดจะมี 2 ขา คล้ายการคล้องแม่กุญแจรูปตัว U ทำให้ได้ไหมที่มีแรงดึงถึง 2 เส้น ต่างจากไหมก้างปลาที่ต้องใช้ไหมดึงเส้นต่อเส้น ดังนั้นร้อยไหมก้างปลา 2 เส้น เท่ากับร้อยไหมมิ้นท์เพียงเส้นเดียว
6) เทคนิคการร้อยไหมมิ้นท์คล้ายการผ่าตัดเล็ก ทำยากกว่า จึงได้ผลที่ดีกว่าไหมก้างปลาหลายเท่า เห็นผลทันทีหลังทำ เปรียบเทียบได้กับการทำศัลยกรรมผ่าตัดดึงหน้า และผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ 18 เดือน

ไหมมิ้นต์ (MINT LIFT) ทำงานอย่างไร

เนื่องจากไหมมิ้นต์มีเงี่ยงที่ถูกออกแบบพิเศษ หมุนรอบแกน 360 องศา สอดลงในชั้นผิวหนัง จึงเกาะติดกับผิวหนังได้ 3 มิติ ทุกทิศทาง แตกต่างจากไหมยี่ห้ออื่นที่ยึดเกาะเพียง 2 มิติ จึงยกกระชับได้ดีกว่าหลายเท่า และเมื่อระยะเวลาผ่านไปประมาณ 6-18 เดือนเส้นของ ไหมมิ้นท์ ก็จะละลายไปโดยไม่เป็นอันตรายใดๆกับร่างกาย หากร้อยด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง เส้นไหมที่ร้อยเพื่อยกกระชับนั้น ก็จะเกิดเป็นเส้นไยอิลาสตินช่วยประคองผิวโดยจะมีจุดที่ดึงบริเวณแก้มส่วนล่างและจุดที่ยึดอยู่บริเวณขมับดึงเข้าหากัน จึงสามารถดึงแก้มที่หย่อนขึ้นได้ทันที ผิวก็จะถูกเงี่ยงของเส้น ไหมมิ้นท์ เกี่ยวขึ้นมาตามเส้นไหมในทิศทางที่ร้อยไหมเข้าไป คล้ายๆ ตะขอเกี่ยวดึงผิวให้ยกกระชับนั้นเอง

การร้อยไหมมินท์เหมาะกับใครบ้าง

  • การยกกระชับผิวหน้าด้วยวิธี MINT LIFT นี้เหมาะกับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 30-60 ปีขึ้นไป โดยเนื้อเยื่อต้องไม่ยุบตัวหรือผิวหนังต้องไม่หย่อนคล้อยมากเกินไป เพราะหากผิวหนังหย่อนมากเนื่องจากอายุหรือมีน้ำหนักตัวมาก อาจต้องใช้วิธีอื่น ๆ รวมกับการร้อย ไหมมิ้นท์ จึงจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจน
  • นอกจากนี้ การทำ MINT LIFT อาจให้ผลดียิ่งขึ้น หากใช้วิธียกกระชับอื่น ๆ ร่วมด้วยในภายหลัง หรืออาจใช้กับผู้ที่เพิ่งเข้ารับการผ่าตัดยกหน้าไปแต่ยังไม่พร้อมสำหรับการผ่าตัดครั้งต่อไป ในกรณีนี้อาจเลือกการร้อย ไหมมิ้นท์แทนได้เช่นกัน

หลังร้อยไหมมินท์แล้ว จะเกิดอะไรได้บ้าง

ผู้ที่ทำการรักษาจะรู้สึกได้ถึงผลลัพธ์ของการยกกระชับตั้งแต่ครั้งแรก และจะเห็นผลชัดเจนขึ้นใน 1-2เดือน แต่จะยิ่งชัดเจนมากที่สุดหลัง6เดือน และผลที่ได้อยู่ได้นาน 12-18 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลสภาพผิวร่างกายของแต่ละบุคคล เช่น ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีสุขภาพดี ดื่มน้ำให้เพียงพอ งดการสูบบุหรี่ งดดื่มสุราแอลกอฮอล์ และที่สำคุญที่สุดคือการพักผ่อนที่เพียงพอ
-การร้อยไหมมินท์ ( MINT LIFT) สามารถทำร่วมกับการยกกระชับหน้าด้วยวิธีอื่น ๆ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น เช่น การใช้วิธีการร้อยไหมร่วมกับการทำฟิลเลอร์หรือฉีดไขมันทั่วหน้า การร้อยไหมมิ้นท์ ร่วมกับวิธีลดรอยเหี่ยวย่นด้วยโบทอกซ์ หรือยกกระชับด้วยเครื่องมือ เช่น HIFU-Ulthera,Thermage ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัญหาหรือการพิจารณาของแพทย์

การปฏิบัติตัวหลังจากการร้อยไหมมินท์

  1. หลังร้อยไหม อาจเกิดอาการปวด หรือบวมได้ โดยอาการจะค่อยๆ ดีขึ้นใน 5-7 วัน ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละบุคคล
  2. อาจรู้สึกตึงหน้า หรือรู้สึกเสียวๆ ที่ผิวหน้าบริเวณที่ร้อยไหม โดยอาการดังกล่าวจะค่อยๆ หายไปใน 10-14 วัน
  3. งดการทำเลเซอร์ โยคะ อบซาวน่า นวดหน้า หรือทำ Treatment หลังทำ 2-4 สัปดาห์
    4.งดดื่มแอลกอฮอล์ หลังทำ 1-2 สัปดาห์
  4. กรณียังมีริ้วรอยหลงเหลืออยู่ หรือต้องการให้ใบหน้ายกกระชับมากขึ้น สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อทำการร้อยไหมเพิ่มเติมหรือทำการรักษาด้วยวิธีอื่นเพิ่มเติม

ไหมในท้องตลาด ผ่านอ.ย.มั้ย

อนึ่งแม้ว่าใน ปัจจุบันการลิฟท์หน้าด้วยการร้อยไหม จะได้รับความนิยมและรู้จักกันดีมาหลายปี และมีไหมด้วยกันหลายยี่ห้อ ราคาก็แตกต่างกันมาก แต่ไหมที่ได้รับการรับรองผลว่าปลอดภัย ได้ผล ผ่าน อ.ย. ในไทยปัจจุบันมีเพียง 2 ยี่ห้อ คือ ไหม Definisse (ไหมจากอิตาลี) ซึ่งราคาแพงมาก กับไหมมินท์ ( MINT LIFT) จากเกาหลี ซึ่งราคาถูกกว่าหลายเท่า แต่ได้ผลพอๆ กัน ดังนั้นปัจจุบัน ไหมมินท์ จึงได้รับความนิยมทั่วโลก ว่า ไหมมินท์ ( MINT LIFT) ของเกาหลีเป็นหนึ่งในไหม ที่ได้รับได้ผลลัพธ์ที่ดี ในราคาที่คุณเอื้อมถึง

Mint Mono Collagen

เป็นไหมมิ้นต์ รุ่นล่าสุด ที่ผ่าน อย . แตกต่างจากรุ่นก่อนๆ คือ เป็นไหมมิ้นต์ PDO แบบไม่มีเงี่ยง ซึ่งมีขนาดและความยาวแตกต่างกัน ตั้งแต่ 5-9 ซม . เหมาะสำหรับการยกกระชับ ปรับรูปหน้า สร้างคอลลาเจน โดยเน้นเก็บรายละเอียดในบางบริเวณหลัง ร้อยไหมกุหลาบ หรือไหมมิ้นต์แบบมีเงี่ยง ไหมแบบนี้ หลังทำไม่ต้องพักฟื้น เข้ามาทำทีหลัง ร้อยไหมมิ้นต์ กุหลาบ อีก 2-3 เดือน